ผมได้มีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ
“ก้าวทันประกันภัย” ทางช่อง Nation Channel เป็นเวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง
ซึ่งก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับอาชีพนักคณิตศาสตร์ประกันภัยว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร
และอาชีพนี้ทำอะไรบ้าง
รายการนี้เป็นรายการสด
เพราะฉะนั้น คำถามและคำตอบจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้จึงออกมาแบบสดๆ เป็นธรรมชาติ
ซึ่งก็มีคำถามที่น่าสนใจอยู่หลายประเด็น โดยเฉพาะคำถามที่ว่า
“ในแต่ละวันนั้นแอคชัวรีได้ทำอะไรบ้าง”
พอได้ฟังคำถามนี้เท่านั้น
ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นคำถามที่ดีมาก
เพราะเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยที่นึกสงสัยว่าจำเป็นด้วยหรือที่บริษัทจะต้องมีแอคชัวรีกันมากมาย
เพื่อมานั่งคำนวณเบี้ยประกันภัยในบริษัทประกันภัย
เมื่อฟังคำถามจบ
ผมก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ ก่อนที่จะตอบไปว่า
หน้าที่ของแอคชัวรีคงมีมากกว่าที่ทุกคนได้เห็นกันอยู่
เพราะงานของแอคชัวรีถ้าจะเปรียบง่ายๆ แล้วก็ยังแบ่งออกเป็นงานหน้าบ้านกับงานหลังบ้าน
ซึ่งคราวนี้ผมขอเริ่มอธิบายงานหน้าบ้านก่อน
งานหน้าบ้าน
เป็นงานที่เกี่ยวกับการออกแบบประกันภัยเพื่อหาความเป็นไปได้ว่า
บริษัทจะสามารถขายสินค้าที่เป็นกระดาษแบบนี้ออกมาได้หรือไม่
ซึ่งมันก็เหมือนกับเป็นการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Project
Feasibility) ก่อนที่บริษัทจะเริ่มลงมือลงทุนไปกับโครงการนี้
โดยการที่จะรู้ว่าโครงการนี้จะสำเร็จได้หรือไม่ ก็คงต้องดูกันว่าจะขายได้หรือไม่
และถ้าขายได้แล้ว
บริษัทจะสามารถแบกรับหนี้ไปตลอดเพื่อจ่ายเงินคืนให้กับลูกค้าได้ครบถ้วนตามจำนวนและตามระยะเวลาที่กำหนดได้หรือไม่
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าบริษัทจะต้องรู้ว่าโครงการนี้พอมีกำไรเลี้ยงตัวเองได้
และการที่จะรู้ว่ามีกำไรหรือไม่ บริษัทจะต้องรู้ต้นทุนเสียก่อน
ต้นทุนที่ว่าสำหรับบริษัทประกันภัยนี้
เป็นต้นทุนที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเท่าไร
ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นจะต้องอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์ประกันภัยเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อประมาณการหาต้นทุนของความเสี่ยงจากการวิเคราะห์อดีตและจำลองอนาคตขึ้นมา
การทำงานหน้าบ้านแบบนี้จะต้องมองการณ์ไกลเผื่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การตัดต่อยีนส์ เทคนิคการแพทย์ใหม่ๆ
ที่จะช่วยให้คนมีชีวิตยืนยาวขึ้น
หรือแม้กระทั่งรถยนต์พลังแสงอาทิตย์ที่อาจจะเป็นที่แพร่หลายในอนาคตก็ได้
และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการทำงานร่วมมือกับแผนกการตลาดและฝ่ายขายเพื่อที่จะเข้าใจสภาพตลาด
และมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ออกแบบมานั้นสามารถนำไปขายได้จริง
ดังนั้น
แอคชัวรีจึงไม่ได้ทำแค่การคำนวณเบี้ยประกันภัยแต่เพียงอย่างเดียว
หากแต่การจะขายแบบประกันแต่ละอย่างออกมาได้นั้น อาจจะต้องออกแบบประกันมาเป็นสิบตัว
เพื่อเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดกับตลาดนั่นเอง
งานหน้าบ้านจึงต้องคอยติดต่อกับฝ่ายต่างๆ
ต่อไปนี้
1.
ฝ่ายการตลาด (Marketing)
และ ช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution channel) ไม่ว่าจะเป็นตัวแทน (Agency) ธนาคาร (Bancassurance)
หรือการขายตรง (Direct marketing) เพื่อพูดคุยกันว่าแบบประกันที่จะเอาออกไปขายนั้นสามารถขายได้หรือไม่
และมีผลประโยชน์ให้กับช่องทางการจัดจำหน่ายและลูกค้าที่สมดุลหรือไม่ เป็นต้น
2.
พิจารณารับประกัน (Underwriting)
และพิจารณาการจ่ายค่าสินไหม (Claim) ที่ต้องมั่นใจว่าความเสี่ยงที่บริษัทรับเข้าและเม็ดเงินที่จะจ่ายออกไปนั้นสอดคล้องกับเงื่อนไขในการจ่ายผลประโยชน์และการจัดการความเสี่ยงที่ได้ประเมินไว้ในการคำนวณตามหลักการคณิตศาสตร์ประกันภัยหรือไม่
เพราะการได้พูดคุยกับฝ่ายนี้จะทำให้แอคชัวรีเห็นภาพออกว่าความเสี่ยงที่บริษัทจะรับเข้ามานั้นมีมากน้อยแค่ไหน
3.
กฎหมาย (Legal) ที่จะช่วยร่างสัญญากรมธรรม์ให้มีความถูกต้องและครอบคลุมไปตลอดอายุสัญญาของกรมธรรม์
4.
ฝ่ายระบบดำเนินการ (Operation
system) ที่จะต้องรองรับระบบปฏิบัติการของบริษัทได้
5.
คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) ที่จะต้องอนุมัติแบบประกันแต่ละแบบก่อนที่จะออกขายสู่ท้องตลาด
โดยจะต้องมีแอคชัวรีที่เซ็นกำกับรับรอง เหมือนกับวิศวกรโยธาที่เวลาจะสร้างแบบแปลนตึกที่ต้องเซ็นกำกับรับรองโครงสร้างของตึก
ปกติเราเรียกแอคชัวรีที่ทำงานหน้าบ้านว่า
“โปรดักส์แอคชัวรี (Product Actuary)” หรือ
“มาร์เก็ตติ้งแอคชัวรี (Marketing Actuary)” กัน
สำหรับท่านที่สนใจอยากดูคลิปการสัมภาษณ์สดเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ประกันภัยในรายการก้าวทันประกันภัย
ก็สามารถเข้าไปที่ YouTube แล้วพิมพ์คำว่า “ก้าวทันประกันภัย คณิตศาสตร์ประกันภัย” กันได้ครับ
[หรือคลิ๊กที่ลิงค์ www.youtube.com/watch?v=IVZ_O5h2Yf0]
·
[ พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน
(ทอมมี่) – ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันภัยของบริษัทเอไอเอ
รองนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการคณิตศาสตร์ประกันภัยของสมาคมประกันชีวิตไทย ]