กฎเทอร์โมไดนามิกส์ทางฟิสิกส์ข้อหนึ่งอธิบายว่า เมื่อทำชามตกแตก มันจะไม่ย้อนกลับกลายเป็นชามดี
ถ้าย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ หลายคนคงอยากแก้ไขการกระทำหลายอย่างในอดีตของตน
จะไม่เลือกเรียนคณะนี้ จะไม่ทำงานกับบริษัทนั้น
จะไม่แต่งงานกับผู้ชาย (เฮงซวย) คนนั้น จะไม่จีบหญิงสาว(ซึ่งตอนนี้เป็นอีแก่) คนนี้ ฯลฯ
ความถวิลหา “โอกาสที่สอง” อาจฝังอยู่ในอนุสติของคนทั่วไปโดยไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกดีอย่างหนึ่งเมื่อคิดว่า
บางทีสิ่งเลวร้ายที่เกิดกับเราในตอนนี้เป็นเพียงฝันร้าย เมื่อตื่นขึ้นเรื่องร้ายๆ ก็หายไป
ลองคิดดู หากโลกนี้มีเครื่องเดินทางย้อนเวลาจริง ทุกๆ คนก็พากันไปแก้ไขอดีต จนไม่มีใครก้าวไปข้างหน้า เพราะมัวแต่ยุ่งกับอดีต
โดยหวังว่ามันจะทำให้ชีวิตของตนสมบูรณ์ขึ้น
ความจริงคือ คุณรู้ได้อย่างไรว่า หากคุณสามารถย้อนเวลาและเลือกไม่เดินไปทางซ้าย สามารถไปทางขวาแทน
ผลลัพธ์ที่ตามมาจะดีกว่าเมื่อคุณไปทางซ้าย? และหากมันไม่ดีกว่า คุณยังจะขอโอกาสที่สาม สี่ ห้า... อีกไหม?
หากเราไม่สามารถยอมรับผลที่ตามมาของการตัดสินใจแต่ละครั้ง เราคงร้องหา “โอกาสที่สอง”ตลอดชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด
มนุษย์เราเป็นสัตว์โลกที่ไม่เคยพอ ยากนักที่หาคนที่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ง่ายๆ
หากบ้านของเพื่อนใหญ่กว่าของเรา เราก็อยากจะมีบ้านใหญ่เท่าหรือใหญ่กว่าของเขา หากเห็นคนอื่นเก่งมาก เราก็อยากเก่งเท่า หรือเก่งกว่าเขา
แต่เราไม่มีทางย้อนกลับไปแก้ไขทุกสิ่งที่ล่วงเลย
“โอกาสที่สอง” นั้นมีจริง แต่มันไม่มาหาเรา เราต้องสร้างขึ้นมาเอง
ความจริงก็คือไม่มีเครื่องเดินทางย้อนเวลา ความจริงก็คือ เราเหลือแต่ปัจจุบันกับอนาคต เราคงต้องทำดีที่สุดจากสิ่งที่เรามี
นักแสดงหญิง ตาลลูลาห์ แบงก์เฮด กล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้ามีชีวิตอีกสักครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าจะทำความผิดพลาดอย่างเดียวกัน เพียงแต่ว่าเร็วขึ้น”
เอลเบิร์ต ฮับบาร์ด นักเขียน บรรณาธิการ คนพิมพ์หนังสือ ชาวอเมริกัน ผู้สร้างตัวจากความยากจน เคยกล่าวว่า
“ความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดที่คุณทำได้ในชีวิต คือ การกลัวอย่างต่อเนื่องว่าคุณจะทำความผิดพลาด”
ในการเล่นดนตรี ทุกครั้งที่นักดนตรีเล่นผิดโน้ตและหยุดเล่น คนฟังจะจับได้ทันทีว่าเขาพลาด
แต่หากเขาเล่นต่อไป โดยพลิกแพลงโน้ตที่เล่นผิดต่อไป เพลงนั้นนอกจากจะไม่ล่มกลางคัน อาจจะกลายเป็นเพลงที่คนชอบกว่าเดิม
ประติมากรที่มีฝีมือ เมื่อพลาดพลั้งทำบางส่วนของรูปสลักหินอ่อนหัก จะพลิกแพลงแบบที่สลักโดยไม่ต้องนับหนึ่งใหม่
ชีวิตก็เช่นรูปสลักที่บางครั้งบิ่นหัก
ป่วยการตำหนิความผิดพลาดที่ผ่านพ้นไปแล้ว
ไร้ประโยชน์ที่จะระทมทุกข์กับอดีตที่ไม่สวยงาม
ชีวิตที่ผิดพลาดยังดีกว่าชีวิตที่ไม่ทำอะไรเลย
อย่าขับรถไปข้างหน้าด้วยเกียร์ถอยหลัง
ผิดเป็นครู เรียนรู้อดีต ก้าวไปในอนาคต
(ข้อมูล: หนังสือเสริมกำลังใจชุด 2 “ความฝันโง่ๆ” โดย วินทร์ เลียววาริณ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น