วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Corporate Actuarial Role

Be an actuary – Corporate Actuarial (Part III): Role of Corporate Actuarial
โดย พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Dist), B.Eng (Hons)

ตัวอย่างของตัวเลขที่เห็นได้ชัดว่าจะต้องมี Corporate Actuarial เข้ามาเอี่ยวอย่างแน่นอนนั้นก็คือ การตั้งเงินสำรองกรมธรรม์ (Policy Reserve) เพื่อให้เพียงพอกับกรมธรรม์ในแต่ละกรมธรรม์ (ซึ่งก็ยากอยู่ไม่น้อย) และหลังจากนั้นก็ต้องมาทำให้เข้ากับระบบบัญชีในแต่ละแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่กำหนดในประเทศ (Local regulation) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ตั้งไว้ หรือจะเป็นแบบที่กำหนดตามมาตรฐานบัญชีสากล (General Accepted Accounting Principle) โดยบางบริษัทก็มีระบบบัญชีที่ต้องทำให้ถูกต้องอยู่ถึง 4 - 5 แบบกันทีเดียว (เช่น แบบที่กำหนดในประเทศ แบบที่กำหนดเพื่อคำนวณภาษี แบบที่กำหนดตามผู้ถือหุ้นในออสเตรเลีย แคนนาดา และอเมริกา เป็นต้น)
วิธีทำงานของแอคชัวรีในการคำนวณเพื่อให้ได้มาซึ่งงบการเงิน (Financial Report)
แอคชัวรีที่มีประสบการณ์จะเน้นที่การสร้างสูตรคำนวณเองตามหลักการของระบบมาตรฐานสากลที่ได้สอบกันมา
ปกติแล้วคนทั่วไปจะคิดว่าแอคชัวรีจะต้องเก่งเรื่องสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ยาวถึงสามวาสองศอกกันทีเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่จะจำสูตรคำนวณทั้งหมดให้ได้นั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะมีสูตรที่จะให้เรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นแอคชัวรีที่มีประสบการณ์ (และได้เป็น Qualified Actuary) จะเน้นที่การสร้างสูตรคำนวณเองตามหลักการของระบบมาตรฐานสากลที่ได้สอบกันมามากกว่าที่จะไปจำสูตรหรือสมการให้ได้ทั้งหมด
และเนื่องจากว่าชนิดของธุรกิจบริษัทประกันภัยนั้นจะมีต้นทุนเกิดขึ้นตามหลังในอนาคตข้างหน้า แต่กลับเก็บเงินมาไว้กลับบริษัทก่อน ทำให้แอคชัวรีที่ดีนั้น นอกจากจะต้องคำนวณผลประกอบการของบริษัทได้แล้ว ยังควรจะต้องสามารถดูสิ่งต่อไปนี้ได้

แอคชัวรีที่ดีควรจะต้องวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ให้กับบริษัทประกันภัยด้วย คือ 1) Trend of Profit, 2) Source of Profit, 3) Strategic Planning, and 4) Impact of Balance sheet

1.               ทิศทางของกำไร/ขาดทุนของบริษัท (Trend of Profit) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย เพราะสภาพแวดล้อมในตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงทำให้ต้นทุนของกรมธรรม์ประกันภัยที่เคยขายไปแล้ว (แต่บริษัทยังให้ความคุ้มครองอยู่) เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยไป แล้วอาจส่งผลทำให้บริษัทเกิดการขาดทุนที่คาดไม่ถึง และยังผลถึงภาวะล้มละลายได้โดยไม่รู้ตัว
2.               แหล่งที่มาของกำไรของบริษัท (Source of Profit) ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่แอคชัวรีควรจะวิเคราะห์ ซึ่งโดยหลักทั่วไปอย่างคร่าวๆ แล้ว เราจะต้องมองให้ออกว่าขณะนี้บริษัทได้กำไรมาจากทางใด เป็นต้นว่า กำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นหรือพันธบัตร หรือกำไรจากการพิจารณารับประกันที่มีประสิทธิภาพ หรือไม่ก็กำไรที่เกิดจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัท  ทั้งนี้ทั้งนั้น แหล่งที่มาของกำไรก็อาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินสำรองของกรมธรรม์ ซึ่งก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพของผลประกอบการอย่างแท้จริงก็ว่าได้
3.               การวางแผนอย่างเป็นระบบของบริษัท (Strategic Planning and Analysis) ก็เป็นสิ่งที่แอคชัวรีจะต้องมีเอี่ยวอยู่ด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นแผนการดำเนินงานในปีหน้า สามปีข้างหน้า หรือห้าปีข้างหน้า มิหนำซ้ำอาจจะต้องประมาณการงบการเงิน (Financial Report) ถึง 3 5 ปีล่วงหน้ากันให้ดูเลยทีเดียว
4.               รู้อย่างลึกซึ้งว่า หนี้สิน (Liability) และ สินทรัพย์ (Asset) รวมทั้ง เงินทุน (Capital) นั้นคำนวณหามาได้อย่างไรในระบบมาตรฐานสากลต่างๆ อีกทั้งควรจะรู้ว่าตัวไหนยังใช้ได้อยู่ หรือตัวไหนที่ล้าสมัยไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ระบบการตั้งเงินทุนขั้นต่ำ (Minimum required capital) ของประเทศไทยนั้นอาจจะดูไม่ทันสมัยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบ้าง (เพราะมีแนวโน้มว่าบางบริษัทอาจจะมีเงินทุนอยู่ไม่เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงในตลาดที่มีความผันผวนเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณในอนาคต) ดังนั้นปกติแล้ว จึงมีบริษัทที่ได้มีการศึกษาคำนวณหาเงินทุนขั้นต่ำที่บริษัทควรจะมีจริงๆ อย่างคร่าวๆ ไว้อยู่บ้าง (เช่น การใช้วิธีการคำนวณแบบมาตรฐานตามแต่ความเหมาะสม สำหรับบริษัทในเครือทั่วโลก เป็นต้น) เพื่อแยกไว้พิจารณาอีกต่างหากอีกหนึ่งชุด และก็เพื่อสามารถเอาไว้ใช้กับการจัดลำดับความน่าเชื่อถือของบริษัทในเครือทั้งหมดอีกด้วย (เช่น วิธีการคำนวณตามมาตรฐานของ Standard & Poor’s เป็นต้น) และนั่นก็หมายความว่างบการเงินสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งชุด เพราะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ว่าจะนำไปใช้ทำอะไร อย่างไรก็ตาม หลายๆ ท่านก็คงทราบว่าระบบการตั้งเงินทุนขั้นต่ำของประเทศไทยได้ถูกยกระดับให้ดีขึ้น และเมื่อศึกษาถึงผลลัพธ์ของระบบใหม่แล้ว ก็คงจะมีการบังคับให้ใช้กันภายในอนาคตข้างหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น