จะเห็นว่าในทางธุรกิจนั้น สินทรัพย์ (Asset) คือ สิ่งที่มีมูลค่าเป็นตัวเงินที่มีอยู่ในครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้ก็ตาม ส่วนหนี้สิน (Liability) ในทางธุรกิจนั้น คือ มูลค่าของการมีพันธะ (Obligation) หรือภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายคืนให้เจ้าหนี้ในอนาคต
สมมติว่า
เราสามารถรู้ว่าจะต้องมีหนี้สินที่จะต้องจ่ายออกไปเท่าไรในแต่ละช่วงเวลาแล้ว
หน้าที่ที่เหลือของเราก็คือการเลือกสรรสินทรัพย์ให้เข้าคู่ (Matching) กับหนี้สินที่เรามีให้ได้เท่านั้นเอง
การจัดการสินทรัพย์และหนี้สินเบื้องต้น
–
เทคนิคการจับคู่ (Exact Matching)
เราจะมาลองดูตัวอย่างง่ายๆ
ของการทำ Asset
Liability Management (ALM) กันก่อน
โดยจะสมมติว่าจะต้องจ่ายหนี้สินออกไปในปลายปีหน้า (ปลายปีที่ 1) เท่ากับ 20,000 บาท และอีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปลายปีที่ 2) เป็นเงิน 10,000 บาท
หน้าที่หลักของการทำ
ALM ในตัวอย่างนี้ก็คือการหาสินทรัพย์มาเข้าคู่ให้ได้
และถ้าเราเลือกได้สินทรัพย์ชิ้นแรกที่จะซื้อก็ควรจะมีอายุ 1 ปีและจ่ายเงินก้อนคืนให้ตอนสิ้นปีเท่ากับ
20,000 บาท ส่วนสินทรัพย์ก้อนที่ 2 ก็จะมีอายุ
2 ปีและจ่ายเงินก้อนคืนให้ในอีก 2 ปีข้างหน้าเท่ากับ
10,000 บาท
จะเห็นได้ว่าเงินคืนของสินทรัพย์แต่ละก้อนนั้นสามารถเอามาใช้หนี้ในปีที่ 1 และ 2 ได้พอดี
หลายคนคงจะคิดว่าสินทรัพย์แบบที่ง่ายที่สุดก็คือการเอาเงินทั้งหมดไปฝากไว้ในธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยและพอถึงเวลาที่ต้องจ่ายหนี้สินก็เบิกเงินออกมาจากธนาคารก็สิ้นเรื่อง
แต่ในชีวิตจริงคงจะไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารนั้นได้น้อยกว่าสินทรัพย์แบบอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรหรือหุ้นอยู่มาก
การเอาเงินทั้งหมดที่มีอยู่ไปฝากไว้กับธนาคารจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการจัดการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน
(Asset
Liability Management)
ส่วนสินทรัพย์อื่นๆ
ที่มีให้เราเลือกในตลาดการเงินนั้นคงจะหาแบบที่โชคดีและสามารถจับคู่ได้กับหนี้สินของเราได้พอดี
นั้นคงจะยาก ดังนั้นจึงต้องทำการเอาสินทรัพย์หลายๆ
ตัวมาประกอบกันเข้าเหมือนจิ๊กซอร์แล้วหาทางทำให้มันเข้าคู่กับหนี้สินได้มากที่สุด
เคล็ดลับในการทำ
Asset
Liability Management ในที่นี้ก็คือให้จับคู่กระแสเงินสดที่ไกลออกไปที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน
และค่อยๆ จับคู่กระแสเงินสดที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โดย
1) เลือกสินทรัพย์ที่จ่ายเงินคืนในปีสุดท้ายให้ตรงกับปีที่ต้องจ่ายหนี้สินเป็นปีสุดท้ายซึ่งเป็นปีที่ไกลออกไปที่สุด
2) ปรับขนาดสัดส่วนของสินทรัพย์ชิ้นนั้นเพื่อให้ขนาดของเงินที่ได้คืนนั้นเท่ากับขนาดของเงินที่จะต้องจ่ายหนี้สินออกไป
3) ทำซ้ำๆ ระหว่างข้อ 1)
และ 2) โดยเลือกสินทรัพย์ตัวถัดไปที่จ่ายเงินคืนในเวลาที่ใกล้เข้ามา
และปรับขนาดสัดส่วนของสินทรัพย์นั้นเพื่อจับคู่กับหนี้สินลงมาเรื่อยๆ
การจะจัดการสินทรัพย์และหนี้สินให้ได้นั้นต้องทำวิธีการ
Exact
matching คือทำให้กระแสเงินสดทั้งฝั่งที่จะได้เงิน (สินทรัพย์)
และเสียเงิน (หนี้สิน) ให้มีค่าออกมาเท่ากันทุกครั้งไป
ตัวอย่างเบื้องต้น – สำหรับการจ่ายหนี้สินออกไปรอบแรกในปลายปีหน้า
(ปลายปีที่ 1) เท่ากับ 20,000 บาท
และรอบที่ 2 ในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปลายปีที่ 2) เป็นเงิน 10,000 บาท
สมมติว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ในตลาดนั้นมีอยู่
2 อย่าง
1)
พันธบัตร A ที่จ่ายเงินคืนในปีที่
1 เท่ากับ 10000 บาท
2)
พันธบัตร B ที่จ่ายเงินคืนในปีที่
2 เท่ากับ 10000 บาท
การทำ
ALM ในที่นี้ก็คือการซื้อพันธบัตร A เป็นจำนวน 2
หน่วย และซื้อพันธบัตร B เป็นจำนวน 1
หน่วย
|
ผมได้รวบรวมประสบการณ์ตรงในการจัดการบริหารความเสี่ยงและเขียนออกมาเป็นหนังสือ
และถึงแม้ว่าเนื้อหาจะออกแนววิชาการ แต่ได้เขียนให้อ่านเข้าใจง่าย
ไม่เป็นวิชาการมากเกินไป จึงเหมาะกับบุคคลทั่วไปที่สนใจในการบริหารความเสี่ยง
นอกจากนั้น หนังสือเล่มนี้ ยังได้แนะแนวเทคนิคการลงทุน
ซึ่งแสดงถึงข้อดีและข้อเสียของความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ไว้ อีกด้วย
สามารถหาซื้อหนังสือ
“ให้เงินทำงาน – การจัดการสินทรัพย์และหนี้สินอย่างถูกวิธี” ได้ตามร้านหนังสือ
“ซีเอ็ด” ที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วประเทศ โดยหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวการบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงินที่เน้นการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินโดยละเอียดครับ
·
[ พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน
(ทอมมี่) – ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทเอไอเอ
รองนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย
และประธานคณะอนุกรรมการคณิตศาสตร์ประกันภัยของสมาคมประกันชีวิตไทย ]