คุยกับแอคชัวรี –
การประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ตอน Insurance & Micro
“การประกันภัยรายย่อย”
มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไมโครอินชัวรันส์ (Micro insurance)” โดยจากชื่อของมันนั้น
เราสามารถแตกความหมายออกมาได้เป็นคำว่า Micro (รายย่อย)
กับคำว่า Insurance (การประกันภัย)
- Insurance หรือการประกันภัยเป็นการบริหารความเสี่ยงอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งจะโอนความเสี่ยงของผู้ซื้อประกัน (เรียกว่าผู้เอาประกันภัย) ไปสู่ผู้ขายประกัน (ซึ่งก็คือบริษัทประกันภัย) โดยเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นบริษัทประกันภัยก็จะจ่ายเงินให้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ทั้งนี้ก็เพื่อชดเชยความสูญเสียทางการเงินของผู้เอาประกันภัยนั่นเอง และโดยทั่วไปแล้ว เราสามารถบอกได้ว่า “การประกันภัย” คือการวางแผนทางการเงินชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินในสถานการณ์ที่เลวร้ายหรือเกิดความสูญเสียขึ้นกับคนที่ต้องการทำประกันภัย ภาครัฐจึงตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยของประชาชนในประเทศเป็นอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงฟันเฟืองเพื่อเสถียรภาพของสวัสดิการทางสังคมของประเทศ
- Micro หรือรายย่อย ในที่นี้หมายถึง ลูกค้ารายย่อย ซึ่งอาจจะไม่สามารถซื้อประกันภัยในท้องตลาดทั่วไปได้เนื่องจากลูกค้ารายย่อยเหล่านี้อาจจะมีกำลังซื้อไม่พอ หรือเรียกได้อีกนัยหนึ่งว่าลูกค้ารายย่อยในที่นี้ก็คือกลุ่มตลาดรากหญ้าที่ภาครัฐต้องการให้คนกลุ่มนี้มีสวัสดิการทางสังคมที่ดีพอผ่านการวางแผนทางการเงินเพื่อการจัดการความเสี่ยงที่ดี
ดังนั้น Micro
insurance หรือ ประกันภัยรายย่อย
จึงได้ออกแบบขึ้นมาเพื่อมีวัตถุประสงค์ให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้าไปสู่กลุ่มตลาดรากหญ้าได้ทั่วถึง
และนี่เองที่เป็นที่ว่ามาทำไมหน่วยงานภาครัฐในแต่ละประเทศถึงมีนโยบายสนับสนุนให้ภาคธุรกิจนำแบบประกันภัยรายย่อยออกมาสู่ท้องตลาด
เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดการความเสี่ยงระดับครัวเรือนขึ้นในประเทศ
และสิ่งที่ทำให้ประกันภัยรายย่อยนั้นเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้ก็คือ
“เบี้ยประกันภัยที่ถูก” เพื่อให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับแบบประกันภัยตัวนี้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า อุปสรรคหลักของการประกันภัยรายย่อยก็คือ
“ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อหน่วย” และ “ค่าใช้จ่ายจากช่องทางการจัดจำหน่าย”
นั่นเอง
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อหน่วยจะต้องต่ำมาก ซึ่งทำได้โดยการตัดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการดำเนินงานและออกแบบแบบประกันให้มีความง่ายไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งภาคธุรกิจจะต้องเน้นปริมาณยอดขายให้สูงมาก เพื่อคงค่าใช้จ่ายต่อหน่วยให้ต่ำไว้
- ค่าใช้จ่ายจากช่องทางการจัดจำหน่ายจะต้องต่ำมาก ซึ่งทำได้โดยเปลี่ยนกลยุทธ์จากการที่สินค้าประกันภัยนั้นต้องมีไว้ขาย
ให้เป็นสินค้าประกันภัยที่ให้คนวิ่งเข้ามาซื้อ
เพื่อจะลดต้นทุนในการทำธุรกิจและสรรหาช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสม
สำหรับแบบประกันไมโครอินชัวรันส์ของประเทศไทยที่กำลังจะคลอดออกมานั้น
ในเบื้องต้น เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 200 บาท มีความคุ้มครอง 3
ส่วนคือ
- เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตาหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องจากอุบัติเหตุวงเงิน 100,000 บาท
- เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะสาย ตาหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากถูกฆาตกรรม ลอบทำร้าย ร่างกาย และ/หรือจากขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครองวงเงิน 50,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจาก การเจ็บป่วย 10,000 บาท หากเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 120 วัน หลังเริ่มทำประกันจะไม่ได้เงินชดเชย โดยประชาชนต้องมีอายุ 20-60 ปี และสามารถซื้อความคุ้มครองได้ไม่เกินคนละ 2 กรมธรรม์
ตามกำหนดการนั้น แบบประกันภัยรายย่อยจะเริ่มขายในท้องตลาดตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป
· [ พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) – ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทเอไอเอ รองนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการคณิตศาสตร์ประกันภัยของสมาคมประกันชีวิตไทย ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น